ทางช้างเผือก ดาวโลกที่เราอาศัยอยู่นี้เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยของพื้นที่ไกลโพ้นไร้ขอบเขตที่เรานิยามกันว่าจักรวาล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยกลุ่มของดวงดาวน้อยใหญ่ที่มีขนาดและชื่อเรียกต่างกันออกไป โดยเรียงจากขนาดที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ระบบจักรวาล (Universe) ระบบดาราจักร (Galaxy ระบบสุริยะ (Solar System) และลดหลั่นขนาดลงไปจนถึงส่วนประกอบขนาดเล็กที่สุดในระบบจักรวาล อย่างเช่น อุกกาบาต ดาวหาง เป็นต้น
ในชั้นบรรยากาศที่พวกเรากำลังดำเนินชีวิตอยู่นี้ก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งของระบบสุริยะ ซึ่งนอกจากระบบสุริยะที่เราอาศัยอยู่นี้ยังมีระบบดวงดาวอื่นที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มดวงดาวที่ใหญ่ขึ้นจนเป็นระบบดาราจักร หรือที่เรียกกันแบบติดปากว่ากาแลกซี่ โดยกาแลกซี่ที่มีชื่อคุ้นเคยหูเรามานานก็ต้องยกให้ ทางช้างเผือก นี่เอง เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็ถือโอกาสขยายความเกี่ยวกับระบบกาแลกซี่ที่ว่านี้ไปด้วยเลยดีกว่า

ดาราจักรแสนยิ่งใหญ่ที่ไม่ได้มีแค่ให้ช้างเดิน
ที่มาของชื่อ ทางช้างเผือก นั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะมีดวงดาวที่เป็นรูปช้างรวมตัวกันอยู่แต่อย่างใด แต่ชื่อเรียกนี้ถูกกำหนดขึ้นมาในประเทศไทยโดยอ้างอิงตามความเชื่อเกี่ยวกับสมมติเทพ โดยสมมติเทพที่ประชากรของไทยให้ความสำคัญก็คือระบอบแห่งกษัตริย์ ซึ่งในการเชิดชูกษัตริย์ก็จะต้องมีคน สัตว์ สิ่งของที่ต้องมาช่วยเสริมบารมีให้น่าเกรงขาม สัตว์ที่มีความเชื่อว่าเป็นคู่บุญบารมีของกษัตริย์ไทยนั้นเป็นช้างเผือก หากมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเวลากลางคืนจะเห็นฝ้าสีขาวพาดผ่านอยู่บนพื้นท้องฟ้า จึงมีความเชื่อว่าสิ่งนั้นเป็นเส้นทางเดินของช้างเผือกที่เป็นคู่บารมีของสมมติเทพนั่นเอง
แต่ในฝั่งตะวันตกก็จะมีชื่อเรียกกาแลกซี่นี้โดยอ้างอิงเกี่ยวกับความเชื่อต่อพระเจ้าอยู่เหมือนกัน ซึ่งเห็นได้จากชื่อสากลของกาแลกซี่นี้คือ The Milky Way Galaxy หรือจะแปลออกมาแบบตรงตัวก็คือกาแลกซี่ทางน้ำนม โดยอ้างอิงความเชื่อที่ว่าเป็นเส้นทางที่พระเจ้าได้เดินทางมาประทานน้ำนมให้แก่พระเยซูเนื่องในวันประสูติ ซึ่งแต่ละพื้นที่ในโลกเราก็จะมีความเชื่อเกี่ยวกับกาแลกซี่นี้ต่างออกไป เพียงแค่อาจจะไม่ได้มีการบันทึกแล้วนำออกมาเผยแพร่เป็นกิจลักษณะนั่นเอง
ส่วนประกอบของ The Milky Way Galaxy
The Milky Way Galaxy เป็นดาราจักรหรือกาแลกซี่ที่มีขนาดราวหนึ่งแสนปีแสง เต็มไปด้วยดาวฤกษ์จำนวนมากที่ประกอบไปด้วยแก๊สและฝุ่นกระจายตัวอยู่ บริเวณใจกลางของกาแลกซี่มีขนาดราวหนึ่งหมื่นปีแสงซึ่งมีดาวฤกษ์เกาะกลุ่มกันอยู่มาก เพราะพื้นที่บริเวณใจกลางมีลักษณะเป็นหลุมดำที่มีพลังดึงดูดสูงจึงได้ยึดเอาวัตถุที่อยู่รอบกาแลกซีมาอยู่รวมกันได้ ในส่วนของระบบสุริยะที่โลกของเราโคจรอยู่จะตั้งอยู่บริเวณรอบนอกของกาแลกซี่นี้โดยมีระยะห่างจากใจกลางกาแลกซี่ออกมาราวสองหมื่นแปดพันปีสองได้

จากที่มีการสำรวจเกี่ยวกับกาแลคซี่นี้มา The Milky Way Galaxy จะเป็นกาแลกซีที่มีรูปร่างคล้ายกังหัน โดยโครงสร้าง ทางช้างเผือก ที่ว่ามานี้จะประกอบไปด้วย 3 ส่วน ได้แก่
– ส่วนจาน (Disk) มีเส้นผ่านศูนย์กลางราวหนึ่งแสนปีแสง ทำหน้าที่เป็นแขนของกาแลกซี ส่วนประกอบของดาวบริเวณนี้จะมีฝุ่น ก๊าซ และสารประกอบของโลหะปะปนอยู่มาก
– ส่วนโป่ง (Bulge) ส่วนประกอบของดาวบริเวณนี้มีฝุ่น ก๊าซ และสารประกอบของโลหะปะปนอยู่แค่เล็กน้อย มีขนาดกระจายตัวราวหกพันปีแสง เป็นจุดกึ่งกลางของระบบกาแลคซี่นี้
– ส่วนเฮโล (Halo) เป็นกระจุกดาวทรงกลมที่ประกอบด้วยดาวฤกษ์จำนวนมากซึ่งโคจรอยู่รอบ ๆ ส่วนโป่งของกาแลคซี โดยนักดาราศาสตร์ให้นิยามว่าส่วนเฮโลนี้เป็นโครงสร้างเดิมของกาแลกซีนี้
สามารถพบ The Milky Way Galaxy ได้อย่างไร
ท่านที่สนใจเกี่ยวกับดาราศาสตร์ก็จะทราบว่าวิธี สังเกต ทางช้างเผือก สามารถทำได้อย่างไร แต่สำหรับท่านที่อยากจะลองสังเกตดูบ้างแต่ยังไม่รู้วิธี จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะได้นำเอาวิธีการสังเกตง่าย ๆ มาแบ่งปันแก่อีกหลาย ๆ คนที่ยังไม่รู้ ซึ่งวิธีการมองหากาแลกซี The Milky Way Galaxy ก็สามารถทำได้ ดังนี้
– The Milky Way Galaxy จะปรากฏให้เห็นได้ชัดมากที่สุดในช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนสิงหาคม หรือในบางจังหวะอาจจะเริ่มมองเห็นได้เร็วขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม ซึ่งในช่วงเดือนพฤศจิกายนจนถึงช่วงเดือนกุมภาพันธ์จะไม่ปรากฎเค้าลางของกาแลคซีให้เห็น
– The Milky Way Galaxy จะปรากฏให้เห็นได้ชัดเมื่อท้องฟ้าไม่มีแสงสว่างรบกวน แต่สำหรับพื้นที่ในเมืองที่มีแสงรบกวนจากตึกอาคาร ป้ายโฆษณา หรือแสงจากรถยนต์จะไม่ปรากฎภาพกาแลคซีนี้ให้เห็น
– เมื่อเป็นเช่นนั้นสถานที่ที่เหมาะกับการมองหา The Milky Way Galaxy แบบที่ปรากฎชัดที่สุดจึงต้องเป็นพื้นที่ชนบท หรือเขตอนุรักษ์ธรรมชาติต่าง ๆ ที่ไม่ถูกรบการแสงอาคาร
– คืนที่เหมาะแก่การมองหา The Milky Way Galaxy จะต้องเป็นคืนที่ไม่มีแสงพระจันทร์รบกวน หรือไม่มีกลุ่มเมฆคอยบังหน้าท้องฟ้า
– เมื่อได้สถานที่ที่จะปักหลักชม The Milky Way Galaxy แล้ว ให้ใช้เข็มทิศเพื่อหาทิศใต้และหันหน้าไปทางนั้น
เพราะกาแลคซีนี้จะปรากฏให้เห็นทางด้านทิศใต้
แนะนำ 10 สถานที่ชม ทางช้างเผือก ในประเทศไทย
1. ดอยหลวงเชียวดาว จังหวัดเชียงใหม่
2. หมู่บ้านรักไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
3. ภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์
4. ภูกระดึง จังหวัดเลย
5. สามพันโบก จังหวัดอุบลราชธานี
6. เขาช้างเผือก จังหวัดกาญจนบุรี
7. เขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
8. หาดขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช
9. สะพานข้ามทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง
10. เสม็ดนางชี จังหวัดพังงา

บทสรุป
ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบในระบบดาราศาสตร์อยู่แล้วหรือเป็นผู้ที่กำเริ่มศึกษาเกี่ยวกับ ทางช้างเผือก ก็ตามที เมื่อได้เข้ามาอยู่ในแวดวงนี้แถวเชื่อว่าจะต้องหลงไหลในแรงดึงดูดของดวงดาวอย่างแน่นอน เพราะระบบดวงดาวนั้นเกี่ยวพันกับชีวิตของเราในหลาย ๆ แง่ไม่ว่าจะเป็นในเชิงดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือโหราศาสตร์ด้วย ในดินแดนเอกภพไกลโพ้นที่เราเดินทางไปไม่ถึงยังมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ค้นพบอยู่ นั่นจึงเป็นเสน่ห์สำคัญที่จะคอยดึงดูดให้เราอยากเข้าไปค้นหาอย่างไม่วางตา